Sunny Verghese ประธานฝ่ายบริหารของ Olam ซึ่งเป็นองค์กรด้านการเกษตรที่มีมูลค่าถึง 24 พันล้านดอลลาร์ เขาเป็นบุคคลที่ได้รับความชื่นชมมากที่สุดในเอเชียในฐานะที่เป็นผู้กระตุ้นด้านความยั่งยืนขององค์กร ซึ่งทำให้คำสารภาพของเขา ณ สัมนาแห่งหนึ่งเมื่อเดือนที่ผ่านมาน่าเป็นกังวลมากยิ่งขึ้น เขากล่าวว่า เขาได้สนทนากับผู้บริหารกว่า 250 คน จากบริษัทที่ตั้งเป้าหมายเน็ตซีโร่ไว้ และไม่มีใครในกลุ่มนั้นที่มีแนวทางในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวเลย ซึ่งเขาก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
บริษัทหลายแห่งต่างให้คำปฏิญาณในการจัดการกับการปล่อยคาร์บอนในปี 2018 เมื่อคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) กล่าวว่าในการจำกัดโลกร้อนให้ไม่เกิน 1.5° เซลเซียสและหลีกเลี่ยงผลกระทบอันรุนแรงที่สุดของสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงนั้น การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จะต้องเป็นศูนย์ภายในกลางศตวรรษนี้
อย่างไรก็ตาม โลกแห่งธุรกิจยังขาดแนวทางในการทำเน็ตซีโร่ Verghese กล่าว และเขาก็บ่นว่าในขณะนี้ยังไม่มีวิธีให้บริษัทต่างๆ วัดรอยเท้าคาร์บอนอย่างเชื่อถือได้ เหล่าผู้บริหารต่างยังขาดความมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถลดคาร์บอนได้ภายในเวลาที่พวกเขากำหนดได้
แต่กระนั้นความไม่แน่นอนดังกล่าวไม่ได้ทำให้บริษัทต่างๆ หยุดการตั้งเป้าหมายที่อาจเป็นไปไม่ได้ หนึ่งในห้าของบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดในโลกได้แสดงความจำนงในการทำเน็ตซีโร่ และ 40 เปอร์เซ็นต์ของสินทรัพย์ในโลกนั้นได้อยู่ภายใต้เป้าหมายการทำเน็ตซีโร่ภายในปี 2050 ในขณะนี้
บริษัทหลายๆ แห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของการปล่อยคาร์บอนมากกว่าครึ่งของโลก ยังไม่มีความกระตือรือร้นในการเข้าร่วมกับการทำเน็ตซีโร่มากนัก มีเพียงไม่กี่บริษัทใน เอเชียแปซิฟิก เช่นบริษัท City Developments Limited ของสิงคโปร์ ธนาคาร DBS และปิโตรนาส ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันในมาเลเซียที่ได้ประกาศการทำเน็ตซีโร่ และจากการศึกษาของ ENGIE Impact ซึ่งเป็นบริษัทด้านพลังงานและความยั่งยืน 60 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทต่างๆ ใน เอเชียแปซิฟิก ไม่มีเป้าหมายในการลดคาร์บอนเลย
“
สิ่งที่เรายังไม่มีในขณะนี้ก็คือคำจำกัดความทางวิทยาศาสตร์ว่าพอร์ตโฟลิโอเน็ตซีโร่คืออะไร และขั้นตอนการทำเน็ตซีโร่มีอะไรบ้าง
Steve Bullock กรรมการผู้จัดการและประธานฝ่ายนวัตกรรมและและการแก้ปัญหาด้าน ESG ของ S&P Global
แม้ว่าการกำหนดเป้าหมายเน็ตซีโร่นั้นเป็นการสร้างข่าวที่ดูดี แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดความสงสัยมากขึ้นว่าเป้าหมายนั้นเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน นักลงทุนได้เริ่มถามคำถามว่าบริษัทจะรายงานการปล่อยคาร์บอนอย่างไร รัฐบาลต่างๆ ก็ได้รับแรงกดดันมากขึ้นในการทำให้แน่ใจว่าองค์กรเหล่านั้นได้ทำตามสิ่งที่กล่าวไว้อย่างแท้จริง Michael Salvatico หัวหน้าฝ่ายการพัฒนาธุรกิจ ESG ในเอเชียแปซิฟิกของ S&P Global Sustainable1 ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ข้อมูล และ ผู้ร่วม การศึกษาวิจัยสำหรับ Investor Group on Climate Change in Australia ได้ระบุว่าบริษัท 32 แห่งได้ใช้สถานการณ์ต่างๆ ถึง 35 รูปแบบในการรายงานด้านภูมิอากาศของพวกเขา
“ในขณะนี้มีบริษัทหลายแห่งที่ได้ประกาศเป้าหมายในด้านนี้ ในขณะที่ยังไม่มีการกำหนดมาตรฐาน [ของข้อมูล]” Salvatico กล่าว “เราจำเป็นต้องกลับไปทบทวนการคำนวณปริมาณคาร์บอน” รอยเท้าคาร์บอนไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่บริษัทรายงานอีกต่อไป แต่มันคือจุดเริ่มต้นของแนวทางการทำเน็ตซีโร่ของบริษัท นักลงทุนและธนาคารต่างกำลังมองหาเป้าหมายที่น่าเชื่อถือ และพวกเขาจำเป็นต้องเห็นความสอดคล้องในวิธีการรายงานคาร์บอนของบริษัทต่างๆ”
เป้าหมายเน็ตซีโร่ที่แท้จริงเป็นอย่างไร
รายงานฉบับหนึ่งในปี 2020 โดย KPMG เกี่ยวกับบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 250 แห่งพบว่าคุณภาพของการเปิดเผยถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับภูมิอากาศยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ มีเพียงหนึ่งในห้าบริษัทเท่านั้นที่ใช้การวิเคราะห์สถานการณ์ด้านความเสี่ยงเชิงภูมิอากาศตามแนวทางที่แนะนำของคณะทำงานด้านการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ (TCFD) ซึ่งเป็นแนวทางในการรายงานความเสี่ยงด้านภูมิอากาศสำหรับบริษัท
ประเด็นแรกในการพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือของเป้าหมายเน็ตซีโร่ก็คือการดูว่าเป็นเป้าหมายที่มาจากพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ ซึ่งหมายความว่ามันจะต้องสอดคล้องกับความตกลงปารีสที่มีการลงนามในปี 2015 เพื่อลดโลกร้อน 1.5 องศา กรรมการผู้จัดการและ ประธานฝ่ายนวัตกรรมและและการแก้ปัญหาด้าน ESG ของ S&P Global จากลอนดอน Steve Bullock กล่าว
ในเดือนกันยายน บริษัท 1,841 แห่งได้ลงนามเข้าร่วมโครงการริเริ่มเป้าหมายที่อิงหลักวิทยาศาสตร์ (SBTi) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 สำหรับบริษัทในการกำหนดแนวทางการลดคาร์บอนให้สอดคล้องกับความตกลงปารีส มีเพียง 22 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เป็นบริษัทจากเอเชียแปซิฟิก ตามข้อมูลจากผู้ร่วมก่อตั้ง SBTi CDP องค์กรสิ่งแวดล้อมที่ไม่แสวงหาผลกำไร
แต่อย่างไรก็ตามเรายังมีงานที่ต้องทำเพื่อทำให้แน่ใจว่าเป้าหมายที่อ้างอิงหลักวิทยาศาสตร์นั้นมีความถูกต้องในด้านภาระกิจในการทำเน็ตซีโร่ ขณะนี้ SBTi กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนามาตรฐานสำหรับเป้าหมายการทำเน็ตซีโร่ และกำลังพัฒนาแนวทางในการกำหนดเป้าหมายที่สอดคล้องกับความตกลงปารีส
“ความตกลงปารีสแสดงให้เห็นถึงระดับความมุ่งมันของบริษัท” Bullock กล่าว “สิ่งที่เรายังไม่มีในขณะนี้ก็คือคำจำกัดความทางวิทยาศาสตร์ว่าพอร์ตโฟลิโอเน็ตซีโร่คืออะไร และขั้นตอนการทำเน็ตซีโร่มีอะไรบ้าง การตั้งเป้าหมายเน็ตซีโร่ในปี 2050 นั้นเป็นเรื่องง่าย แต่การลดคาร์บอนจำเป็นต้องเริ่มต้นในวันนี้
จุดเริ่มต้นนั้นไม่เพียงแต่จะหมายถึงการทำความเข้าใจเกี่ยวกับรอยเท้าคาร์บอนจากการดำเนินงานของบริษัทเท่านั้น แต่หมายถึงการปล่อยคาร์บอนของทั้งพอร์ตโฟลิโอและห่วงโซ่อุปทานด้วย ซึ่งรู้จักในนามของ Scope 3 “คุณต้องมีภาพทั้งหมดของบรรทัดฐานของคุณ” Bullock กล่าว
วิธีที่สองในการระบุว่าบริษัทมีความจริงใจแค่ไหนในการทำเน็ตซีโร่ก็คือการดูว่าพวกเขาติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของพวกเขาแค่ไหน S&P มองว่าบริษัทมีแนวทางที่สอดคล้องกับโลกร้อน 1.5 องศาแค่ไหน โดยพิจารณาถึงความเปลี่ยนแปลงของระดับการควบคุมคาร์บอนของบริษัทในไม่กี่ปี่ที่ผ่านมา และการคาดการณ์ความเปลี่ยนแปลงภายในปี 2030 ซึ่งเป็นเส้นตายของความตกลงปารีสที่กำหนดว่าการปล่อยคาร์บอนจะต้องลดลงกึ่งหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติจากสภาพอากาศ
“
เราไม่สามารถทำเน็ตซีโร่ภายในปี 2050 โดยการลดการปล่อยคาร์บอนเท่านั้น เราจำเป็นต้องเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจ บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องออกแบบวิธีการที่พวกเขาดำเนินงานใหม่ในเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
Dave Chen ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารระดับสูงของ Equilibrium Capital
วิธีที่สามก็คือการตรวจสอบการชดเชยคาร์บอน หากบริษัทได้ซื้อการชดเชยคาร์บอน เช่นการทำโครงการฟาร์มกังหันลมและแผนการปลูกต้นไม้เพื่อลดคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในจุดอื่นๆ แต่นี่ไม่ได้เป็นการกำจัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่หลีกเลี่ยงได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่สามารถอ้างได้ว่าเป็นเน็ตซีโร่อย่างแท้จริง
ประเภทของการชดเชยนั้นเป็นกุญแจสำคัญเช่นกัน การชดเชยคาร์บอนที่ดีนั้นควร “เป็นการทำงานเพิ่มเติมจากการทำงานตามปกติ” ซึ่งหมายความว่าการซื้อการชดเชยจะเป็นการกำจัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่จะลดลงอยู่แล้ว และควรทำการวัดอย่างถูกต้องเช่นกัน โดยการไม่ใช้เกณฑ์ที่อ้างอิงโมเดลจากคอมพิวเตอร์ แต่วัดจากการลดก๊าซเรือนกระจกที่พิสูจน์ได้จริง
“การชดเชยนั้นมีบทบาท คุณภาพเพียงพอ” Bullock กล่าว “เราจำเป็นต้องมีข้อมูลและความโปร่งใสมากขึ้นเกี่ยวกับประโยชน์ของโครงการชดเชยคาร์บอนประเภทต่างๆ โครงการนั้นให้ประโยชน์ในการลดคาร์บอนอย่างไรและเมื่อใด”
ประเด็นสุดท้ายที่ต้องพิจารณาก็คือ บริษัทเน้นไปที่อนาคตมากแค่ไหน พวกเขามีความเสี่ยงทางกายภาพแค่ไหน เช่นระดับน้ำทะเลที่สูงและภัยพิบัติจากสภาพอากาศรุนแรง ระดับของการเปิดเผยการวัดและการจัดการความเสี่ยงทางกายภาพนั้นเป็นตัวชี้บอกที่ดีอีกประการหนึ่งที่จะระบุว่าบริษัทได้เดินทางสู่เน็ตซีโร่มากแค่ไหนแล้ว Bullock กล่าว
นักลงทุนมองหาอะไรในเป้าหมายเน็ตซีโร่
นักลงทุนเริ่มถามคำถามมากขึ้นเกี่ยวกับเป้าหมายเน็ตซีโร่ขององค์กรต่างๆ ในเดือนตุลาคม กลุ่มนักลงทุนภาคสถาบันจากลอนดอนด้านภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (IIGCC) ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรที่บริหารสินทรัพย์กว่า 60 แสนล้านดอลลาร์ได้เรียกร้องให้บริษัทด้านสาธารณูปโภคไฟฟ้าทั่วโลกตั้งเป้าหมายการทำเน็ตซีโร่ภายในปี 2035 ถึง 2050 เพื่อเร่งกิจกรรมด้านภูมิอากาศ ไฟฟ้าสาธารณูปโภคนั้นมีส่วนในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 40 เปอร์เซ็นต์
Dave Chen ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารระดับสูงของ Equilibrium Capital ซึ่งบริษัทลงทุนที่มีสำนักงานใหญ่ในพอร์ตแลนด์ กล่าวว่า นอกจากการรัดเข็มขัดทางคาร์บอนและการซื้อการชดเชยคาร์บอนเพื่อลบล้างการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว นักลงทุนกำลังดูว่าบริษัทใดที่ได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างการดำเนินธุรกิจของตนเพื่อก้าวสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
“นี่คือสิ่งที่ยากที่สุด การเปลี่ยนวิธีการทำงานของคุณ” Chen กล่าว บริษัทของเราได้ลงทุนในด้านกรีนเฮาส์เพื่อการผลิตอาหารที่ยั่งยืนและการผลิตก๊าซชีวภาพจากฟาร์มโคนม “นักลงทุนกำลังดูว่าบริษัทได้ปรับเปลี่ยนการผลิต ห่วงโซ่อุปทาน และการจัดซื้อสินทรัพย์ต่างๆ อย่างไรในการลดรอยเท้าคาร์บอนของพวกเขา” เขากล่าวแก่ Eco-Business
“เราไม่สามารถทำเน็ตซีโร่ภายในปี 2050 โดยการลดการปล่อยคาร์บอนเท่านั้น เราจำเป็นต้องเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจจริง บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องออกแบบวิธีการที่พวกเขาดำเนินงานใหม่ในเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ” เขากล่าว
Jeffrey Ubben นักทำกิจกรรมเฮดจ์ฟันด์ของ Inclusive Capital กำลังมองหาบริษัทที่มีความจริงจังด้านคาร์บอนเพื่อสนับสนุน โดยการลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการปกครอง (ESG) กับองค์กรเช่น Exxon Mobil “หากตลาดระบุว่าคุณกำลังอยู่ขาลง [และไม่ลดคาร์บอน] คุณก็ไม่ต่างกับคนที่รอความตาย” Chen กล่าว
แต่การลงทุนกับบริษัทเน็ตซีโร่นั้น นักลงทุนจำเป็นต้องมีข้อมูลที่ดีขึ้น มีความสอดคล้อง และเปรียบเทียบได้ Bullock กล่าว นี่คือสาเหตุที่มีการมุ่งไปสู่ TCFD เนื่องจากมันเป็นแนวทางที่ชัดเจนในการรายงานด้านความเสี่ยงเชิงภูมิอากาศสำหรับนักลงทุนในบริษัทการเงิน เขากล่าว
TCFD ซึ่งประกาศในเดือนตุลาคมว่าได้อัพเดตมาตรฐานการรายงานของตนแล้ว ได้เรียกร้องให้บริษัทต่างๆ ปรับปรุงการรายงานเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านภูมิอากาศจะมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพทางการเงินของพวกเขาอย่างไร TCFD กล่าวว่าทุกบริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตามคำแนะนำนั้น เนื่องจากความเสี่ยงที่เกี่ยวเนื่องจากภูมิอากาศจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของงบดุลบริษัทในอีกไม่นานนี้
ผู้สนับสนุน TCFD ได้เติบโตขึ้นถึง 70 เปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว และ TCFD ได้กล่าวว่าหน่วยงานภาครัฐของฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ สวิสเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักรต่างกล่าวว่าจะบังคับให้องค์ กรเปิดเผยข้อมูลด้านภูมิอากาศ
แม้ว่าจะมีบริษัทจำนวนมากที่เข้าร่วมกับ TCFD ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ แต่ก็ยังมีบริษัทอีกหลายแห่งที่ “ยังคงมีปัญหาในการระบุผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในเชิงปริมาณ และในการหาข้อมูลนั้น พวกเขาจำเป็นต้องประเมินความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศอย่างสมบูรณ์” Michael R. Bloomberg ประธานฝ่ายบริหารของ TCFD กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทที่ไม่รายงานความเสี่ยงด้านภูมิอากาศของตน เช่นบริษัทส่วนใหญ่ในเอเชีย จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการตรวจสอบได้ Salvatico กล่าว “บริษัทใดก็ตามที่ไม่ส่งรายงานดังกล่าวจะยังคงถูกประเมิน การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของพวกเขาจะถูกจัดทำเป็นโมเดลและนำไปวิเคราะห์” เขากล่าวและระบุว่า S&P ได้ประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัทมหาชน 15,000 บริษัทและบริษัทเอกชน 5,000 บริษัท
ความเปลี่ยนแปลงกำลังจะมาถึงอย่างรวดเร็ว เขากล่าวเพิ่มเติม เมื่อกล่าวถึงประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก Salvatico ระบุว่า “มีการรายงานน้อยมาก” เมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว
“แต่เมื่อไม่นานมานี้เราได้เห็นแนวโน้มว่ามีความต้องการสูงขึ้นสำหรับการรายงานองค์กรจาก S&P Global Ratings เกี่ยวกับรายงานการประเมินความยั่งยืนขององค์กรและความเสี่ยงด้านภูมิอากาศที่สอดคล้องกับ TCFD จากภาพรวมทั่วโลก เราได้เห็นการลงทุนปริมาณสูงในด้าน ESG และความต้องการเพิ่มขึ้นสำหรับการประเมิน S&P Global Ratings จากความเห็นของบุคคลที่สองในด้านการเงินที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน” เขากล่าว
ซึ่งอาจจะเป็นความจริงสำหรับความมุ่งมั่นสู่เน็ตซีโร่เช่นกัน คาดว่าจะมีการประกาศอีกไม่น้อยเลยในการสัมนา COP26 ซึ่งจะเริ่มต้นสิ้นเดือนตุลาคมนี้ในกลาสโกว์ สกอตแลนด์ “เน็ตซีโร่ไม่ใช่แนวคิดที่ผู้คนกล่าวถึงเลยเมื่อสองปีที่แล้ว” เราคิดถูกแล้วตั้งแต่ตอนที่ประเด็นนี้เริ่มต้น แนวโน้มกำลังเติบโตขึ้น” Salvatico กล่าว